วันที่ 16 ส.ค. 66 (เวลา 10.00 น.) ที่ ด่านพรมแดนมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมือง จ.หนองคาย พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รองผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 และ พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 บินด่วน รับตัว นายสัญญา อายุ 39 พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่จาก สปป.ลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดและหลบหนีการประกันตัวโดยความร่วม เจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ได้จับกุมตัว นายสัญญา สายจำปา ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมใน คดีอาญาที่ 237/2564 แล้วได้รับการประกันตัวโดยติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวที่ข้อเท้า (กำไล EM) และยังเป็นผู้ต้องหาใน คดีอาญาที่ 64/2566 ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 208/2566 ลง 9 มิ.ย. 2566 ในข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อ กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”คดีที่ 1 คดีอาญาที่ 237/2564 ของกลาง เฮโรอีน 439.5 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 2 กันยายน – 21 ตุลาคม 2564
ผู้ต้องหา 1. นายสัญญา สายจำปา อายุ 39 ปี (ผู้ต้องหาได้ประกันตัวโดยติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวที่ข้อเท้า (กำไล EM) 2. นายบุญรอด พุ่มทอง อายุ53ปี 3.นายอาธร หรือโด่ง คุ้มนุ่น อายุ22 4.นายวันไชย หรือใหญ่ มีชัย 5.บริษัท โคกใหญ่วู้คแฮนด์กราฟท์ จำกัด ข้อหากระทำผิดฐาน “การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (ในพฤติการณ์ร่วมกันลักลอบส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศ) ร่วมกันส่งออกยาเสพติดให้โทษประเกท ๑ (เฮโรอีน) ออกนอกราชอาณาจักรเพื่อการค้า ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่า ฝืนต่อกฎหมาย เละ สมคบ โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิด ร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวยับยาเสพติดเพราะเหตุที่ ให้มีการสมคบกัน” เมื่อผู้ต้องหาได้รับ การประกันตัวแล้ว ยังบังอาจได้กระทำความผิดในคดีที่ 2 อีกด้วย คดีที่ 2 คดีอาญาที่ 64/2566 ของกลาง ไอซ์ 25 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 66 กก.2 บก.ปส.1 นำโดย พ.ต.อ.โชคชัย วระศาสตร์ ผกก.2 บก.ปส.1 ได้จับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในเขตกรุงเทพมหานคร จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน ผู้ต้องหา 1. นางไพฑูย์ หรือต่าย วงษา อายุ 52 ปี,2. นายชัยมงคล หรือชัย ทบพวก อายุ 33 ปีโดยผู้ต้องหา ทั้ง 2 ให้การว่า ได้รับสั่งการมาจาก นายสัญญา สายจำปา จึงได้ขอศาลออกหมายจับ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 208/2566 ลง 9 มิ.ย. 2566 ระหว่างติดตามจับกุมตามหมายจับทราบว่า นายสัญญา สายจำปาได้ทำการตัด กำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวที่ข้อเท้า (กำไล EM) และหลบหนีข้ามไปยังประเทศลาว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว สืบสวนตามหานาย สัญญา สายจำปา เพื่อทำการจับกุมและสามารถติดตามจับกุมได้
สืบเนื่องเมื่อปี 2564 นายสัญญาฯ ถูกจับกุม พร้อมกับ นายบุญรอด อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หลังส่งเฮโรอีน 446 กิโลกรัม ไปที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท นายสัญญาฯ หลังถูกตำรวจ ปส.จับกุมตัวได้ และถูกดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ผ่านไป 1 ปี (ปี 2565) นายสัญญา และนายบุญรอด ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอศาลพิจารณาคดี โดยศาลให้ประกันตัว พร้อมติดกำไล EM แต่ผู้ต้องหาไม่สำนึกหลังถูกปล่อยตัวชั่วคราวหันมาค้ายาเสพติดอีก โดยเปลี่ยนจากเฮโรอีนมาเป็นยาไอซ์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ล่อซื้อยาไอซ์ จำนวน 25 กิโลกรัม จากแก๊งค้ายาเสพติด นายสัญญาฯ มาพบชุดล่อซื้อเพื่อดูเงินมัดจำด้วยตนเอง และนัดส่งยาไอซ์ จำนวน 25 กิโลกรัม อีกวันถัดมา โดยนายสัญญา ให้ลูกน้อง 2 คน มาส่งซึ่งทั้งคู่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 พอนายสัญญา รู้ว่าลูกน้องถูกจับ จึงได้ทำลายกำไล EM ทิ้งที่จังหวัดหนองคาย ก่อนหลบหนีไปกบดานที่ สปป.ลาว พล.ต.อ. ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ได้ข้ามไปหารือกับทางการ สปป.ลาว จนสามารถจับกุมตัวได้ และนำตัวส่งตัวให้กับทางการไทยในวันนี้ (16 ส.ค. 66 ) เพื่อนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายพันธลภ แสงทอง-มนเดช-ปวีณา จังหวัดหนองคาย